ชลน่าน ยอมรับหวั่นขั้วตรงข้ามเสนอชื่อ ‘บิ๊กป้อม’ ชิงตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย เตรียมถก 8 พรรคสกัด
‘ชลน่าน’ รอ ‘ก้าวไกล’ นัดหารือโหวตนายกฯ รอบ 2 รับหวั่นขั้วตรงข้ามเสนอชื่อ ‘บิ๊กป้อม’ ชิงตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย
เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยให้สัมภาษณ์รายการเจาะลึกทั่วไทย เมื่อถูกถามถึงแผนสองหลังจากที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ไม่ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมรัฐสภาให้เป็นนายกฯ ด้วยคะแนนเสียงโหวตรอบแรก 324 เสียง ไม่ถึงเกณฑ์ 375 เสียงนั้น ว่า เพื่อไทยไม่มีแผนสอง มีแค่แผนเดียว คือ การร่วมกันใน 8 พรรคจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ ฉะนั้นจึงรอพรรคก้าวไกล นัดหมายวัน เวลาและสถานที่เพื่อนัด 8 พรรคหารือร่วมกันเพื่อปรับกลยุทธ์ก่อนโหวตรอบ 2 อยู่
เมื่อให้วิเคราะห์ถึงผลโหวตเมื่อวาน นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ถ้าดูผลโหวตจากสมาชิกรัฐสภาฝ่ายที่ลงคะแนนไม่เห็นด้วยกับกลุ่มงดออกเสียง จะเห็นได้ว่าใช้เหตุผลนอกเหนือรัฐธรรมนูญกำหนดในเรื่องคุณสมบัติ ลักษณะต้องห้ามและต้องเป็นบุคคลที่พรรคเสนอ แต่เหตุผลที่พวกเขาใช้ คือ เรื่องอุดมการณ์และนโยบายทางการเมือง ฉะนั้นถ้าใช้เรื่องดังกล่าวมาเป็นเหตุผลในการโหวต จะทำให้ทิศทางการโหวตจะเห็นค่อนข้างชัดถึงผลโหวตรอบ 2 ว่าจะไม่ต่างจากเดิม ดังนั้นถือเป็นประเด็นหลักที่ต้องพูดคุยกันในพรรคเพื่อไทยและก้าวไกล รวมถึง 8 พรรคการเมือง
เมื่อถามว่าโอกาสที่จะเปลี่ยนความเชื่อของส.ว.ไม่เห็นโอกาสเลย? นพ.ชลน่าน กล่าวว่าถ้าดูรูปการณ์เมื่อวานก็อาจจะสรุปอย่างนั้นได้ ดูแล้วค่อนข้างริบหรี่ เพราะเขาตั้งเงื่อนไขว่าต้องไม่มีพรรคนี้อยู่ในรัฐบาลเลย มันเลยค่อนข้างลำบาก แต่ส่วนตัวค่อนข้างมีความเชื่อว่าทางออกสำหรับประเทศมันต้องมี บนพื้นฐานที่ว่าไม่แพ้ทุกฝ่าย ไม่ชนะทุกฝ่าย แต่ประชาชนและประเทศชาติชนะ ตนเชื่อว่าจะมีคำตอบตรงนั้นได้
ส่วนว่าจะเจรจาอย่างไรนั้น ส่วนตัวมองว่าการหารือกัน จะอยู่บนพื้นฐานให้เกียรติและเคารพข้อเสนอของพรรคก้าวไกล รอพรรคก้าวไกลเสนอก่อนแล้วจากนั้นก็จะเป็นข้อสรุปร่วมกันของ 8 พรรค
เมื่อถามว่ามีข่าวว่าในการเสนอโหวตนายกฯ รอบ 2 ถ้ายังมีการเสนอชื่อนายพิธา จะมีการเสนอชื่อ พล.อประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มาชิงนายกฯ ด้วย? นพ.ชลน่าน ตอบว่า ได้ยินข่าวมาเหมือนกัน เขาอ้างด้วยซ้ำว่าถ้าฝืนเสนอชื่อนายพิธา เข้ามา เขาก็มีความชอบธรรมที่จะเสนอรัฐบาลเสียงข้างน้อยแข่ง เพราะถือว่าฝ่ายที่รอบรวมเสียงข้างมากได้ ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ ประเทศไปต่อไม่ได้
เขาอ้างเหตุผลนี้ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่ฟังได้สำหรับกลุ่มหนึ่งด้วย ดังนั้นประเด็นดังกล่าวจึงต้องเป็นประเด็นหลักที่ต้องมาพูดคุยกันใน 8 พรรค เพราะถ้าเขาเสนอชื่อแข่ง แสดงว่าต้องมั่นใจผลโหวตแล้ว ดังนั้นในการหารือ 8 พรรค จึงต้องมาหาบทสรุปเพื่อแก้ไขสมการดังกล่าว ว่าจะไม่ให้เกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะถ้าเป็นแบบนั้นจริงจะไม่ใช่งูเห่าอย่างเดียวแล้ว เพราะงูเห่าอย่างเดียวไม่พอ แต่มันต้องใช้อย่างอื่นซึ่งมันจะทำลายระบบการเมืองย่อยยับ วงจรอุบาทว์จะกลับมา
ขอขอบคุณข่าวจาก : Home (matichon.co.th)