ทุกวันนี้ อะไรๆ ก็มักจะมีขนาดใหญ่ขึ้นเสมอ โดยเฉพาะรถอเนกประสงค์เอสยูวีที่เบ่งขนาดตัวถังจนใหญ่โตคับถนน BMW X7 เป็นเรือธงของ BMW ที่ใหญ่ หรูหราสุดติ่ง และเต็มไปด้วยเทคโนโลยีล่าสุด มีเครื่องยนต์ดีเซลทรงพลังให้เลือก และถึงแม้มันจะเป็นยานพาหนะที่ไม่ถูก แต่ X7 ก็ขับได้ดีกว่าที่คุณคาดหวังเอาไว้สำหรับรถยนต์ 7 ที่นั่งที่มีขนาดและน้ำหนักราวกับรถบรรทุก คู่แข่งที่ใหญ่พอกันอย่าง Mercedes-Benz GLS350d AMG Premium ดูจะเป็นคู่ต่อสู้ที่สูสีกันมาก และยากที่จะมองข้ามการผสมผสานที่ยอดเยี่ยมของรถยนต์ทั้งสองแบรนด์ X7 และ GLS มากับงานคุณภาพ ความหรูหรา อุปกรณ์ไฮเทค และประสบการณ์การขับที่ยากจะลืม
X7 รุ่นประกอบในประเทศ CBU ที่โรงงาน BMW ในจังหวัดระยอง ราคา 6,199,000 บาท พยายามรักษาความสง่างามของยานยนต์ชั้นสูงเอาไว้ทุกกระเบียดนิ้ว ด้วยรูปลักษณ์ที่แปลกตา กระจังหน้าเปิด-ปิดด้วยระบบอัตโนมัติ มีขนาดที่ใหญ่สุดๆ โดยสืบทอดตำนานของความใหญ่โตมาจาก BMW Series-7 LCI ซึ่งเป็นซาลูนเรือธง กระจังแม้จะดูว่ามีขนาดมโหระทึก แต่ก็ดูเข้ากับขนาดความกว้างที่มากถึง 2,000 มิลลิเมตร ส่วนความยาวตัวถังเฉียดๆ 5,200 มิลลิเมตร ทำให้การกะระยะเมื่อคุณเพิ่งจะลงมาจาก Swift ต้องคิดใหม่ทำใหม่ทั้งหมด ไฟหน้าเลเซอร์ BMW laserlight พร้อมไฟหรี่กลางวัน LED Daytime Running Light ไฟเลี้ยว LED สำหรับระบบส่องสว่าง Laser Lights เป็นระบบไฟส่องสว่างที่ประจำการอยู่ใน BMW i8 และใน BMW New Series-7 รุ่น 745Le เทคโนโลยี Laser Lights ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการส่องสว่าง กระจายลำแสงหรือบีบลำแสงในระดับสูงได้ถึงสองเท่า ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถมองเห็นได้ไกลถึงสองเท่าเมื่อเทียบกับไฟหน้าทั่วไป และมีกำลังในการส่องสว่างยามค่ำคืนมากกว่าไฟหน้า LED ถึง 10 เท่า BMW Laserlight ได้รับการออกแบบมาเพื่อป้องกันไม่ให้ลำแสงไปรบกวนรถยนต์คันอื่นๆ การทำงานควบรวมกับระบบนำทาง GPS ช่วยให้การหักเหแสงไปตามสภาพเส้นทางได้ดีขึ้น ระบบ Laserlight ไม่ได้เล็งลำแสงเลเซอร์ไปที่ถนน แสงเลเซอร์ที่สร้างขึ้นมาจะถูกยิงผ่านชุดของกระจกที่อยู่ภายในชุดไฟ ซึ่งสะท้อนโดยทำการรวมแสงทั้งหมดเข้าไปในเลนส์ ภายในเลนส์บรรจุฟอสฟอรัส ซึ่งเป็นสารที่ทำปฏิกิริยากับแสง เมื่อแสงเลเซอร์สะท้อนลงในเลนส์จะมีปฏิสัมพันธ์กับฟอสฟอรัส ซึ่งจะสร้างแสงสีขาวที่สว่างมาก แสงจะถูกลดความเข้มจากนั้นจะสะท้อนออกมาจากด้านหน้าของไฟหน้า ประโยชน์ที่แท้จริงก็คือกำลังของการส่องสว่างมากกว่าหลอด LED 10 เท่า Laser Lights เป็นระบบไฟอันก้าวล้ำและมีประสิทธิภาพสูงจาก BMW เมื่อเทียบกับระบบไฟแบบดั้งเดิม Laser lights มีประสิทธิภาพมากกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ และเนื่องจากชุดไฟมีขนาดเล็ก Laser lights จึงเข้ามาช่วยทำให้นักออกแบบของ BMW Group สามารถลดขนาดของไฟหน้า เพิ่มประสิทธิภาพการออกแบบตัวถังเพื่อปรับปรุงระบบอากาศพลศาสตร์ของตัวรถให้ดีขึ้นกว่าเดิมได้อีกด้วย
BMW laserlight ใน X7 xDrive 40d มีกำลังในการส่องสว่างไกล 600 เมตร สูสีกับ Multi Beam LED ที่ประจำการอยู่ใน Mercedes-Benz GLS350d AMG Premium
แม้จะมีขนาดที่ใหญ่โตแต่การออกแบบที่ลงตัวทำให้รูปลักษณ์ด้านข้างของ BMW X7 xDrive 40i M Sport มีความสวยงามสมส่วน แนวเส้นข้างตัวถังที่คมชัดจากด้านหน้าลากผ่านใต้มือจับที่เปิดประตูไปจนถึงขอบของไฟท้าย เสาหน้าถูกรีดจนเรียวบาง เสาท้ายมีขนาดที่สอดคล้องกับความใหญ่และแนวผืนหลังคา แรคหลังคาทำจากอะลูมิเนียมสีดำ กรอบกระจกรอบคันสีดำ ซุ้มล้อสีเดียวกับตัวถัง เหนือกาบบันไดข้างมีชิ้นงานพลาสติกสีดำเงาคาดตกแต่งบริเวณชายล่าง ล้ออัลลอย M สีเงินสลับสีดำ ขนาด 22 นิ้ว ห่อรัดด้วยยาง continental premium contact 6 SSR ยางหน้า 275/40R22 Y XL ยางหลัง 315/35 R22Y XL ชุดเบรก M Sport คาลิปเปอร์เบรกหน้าสีน้ำเงินแบบ 4 พอต เบรกหลังแบบซิงเกิลพอต ใช้สีน้ำเงินเช่นเดียวกัน มิติตัวถังของ BMW X7 xDrive 40d M Sport มีขนาดความยาว 5,151 มิลลิเมตร กว้าง 2,000 มิลลิเมตร สูง 1,805 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 3,105 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหน้า 1,684 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหลัง 1,705 มิลลิเมตร ปริมาตรในการบรรจุสัมภาระ 326-2,120 ลิตร น้ำหนักรถทั้งคันอยู่ที่ 2,370 กิโลกรัม
สัดส่วนที่กลมกลืนกัน กำหนดตัวเองเป็นเจ้านายคนใหม่ในตระกูล BMW X Series การใช้รูปแบบใหม่เพื่อความกลมกลืนทั่วทั้งคัน พื้นผิวที่มีโครงสร้างชัดเจน เส้นสายที่คมชัด ทำให้ X7 เป็นรถอเนกประสงค์ไซส์โตที่ทันสมัย กระจังหน้าขนาดใหญ่ที่สุดที่เคยออกแบบมาสำหรับ BMW ไฟหน้าคู่เพรียวบาง ทอดยาวไปถึงกระจังหน้า เน้นความกว้างของตัวรถและสร้างความโดดเด่น เมื่อมองจากด้านข้าง กระจกหน้าต่างบานใหญ่และแนวหลังคายาวที่ไหลลื่น บ่งบอกถึงการตกแต่งภายในที่กว้างขวาง ภายใต้แสงไฟ มีการออกแบบให้ประตูหลังยาวกว่าประตูหน้า โดยเน้นที่ความกว้างขวางของห้องสัมภาระท้าย และการเข้าออกของผู้โดยสารบนเบาะที่นั่งแถวที่ 2 และ 3 ได้ง่ายขึ้น พื้นผิวตัวถังมีโครงสร้างชัดเจน ฟังก์ชั่นการทำงานที่หลากหลายของ BMW X7 พร้อมระยะห่างจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 8.7 นิ้ว
ขนาดที่ใหญ่โตของ X7 ยังคงชัดเจนที่ด้านหลังด้วย ซึ่งแยกออกเป็นเส้นแนวนอนและล้อมรอบ ด้วยขอบแยกแนวตั้ง ไฟท้าย LED บางเฉียบ ช่วยแบ่งส่วนด้านหลังอย่างชัดเจน การเชื่อมช่องว่างระหว่างไฟท้าย LED ทั้งสองยูนิตคือแถบโครเมียม ซึ่งเป็นรูปแบบการออกแบบที่เคยพบก่อนหน้านี้ที่ด้านหลังของรถซีดานหรู BMW 7 Series เท่านั้น บั้นท้ายสง่างามด้วยไฟท้ายทรงยาวเชื่อมต่อแนวไฟทั้งสองฝั่งด้วยพลาสติกโครเมียมสีเงิน ไฟท้าย LED เต็มรูปแบบ ปลายท่อไอเสียทรงเหลี่ยมสีเงิน ล้อมกรอบด้วยงานพลาสติกสีดำเงา ฝาท้ายไฟฟ้าแบบสองชั้นคล้ายกับ BMW X5 แต่มีขนาดที่ใหญ่กว่า ปุ่มที่ขอบใต้ฝาท้ายใช้กดสั่งงานให้ลดระดับความสูงลงเพื่ออำนวยความสะดวกเวลายกสัมภาระเข้าไปเก็บ ถ้าไม่พับเบาะแถวที่สาม X7 จะมีพื้นที่เก็บสัมภาระไม่มากนักแค่ 326 ลิตร เมื่อไม่มีใครไปนั่งเบาะแถวที่สาม พอพับราบกับพื้น ส่วนเก็บสัมภาระจะเพิ่มเป็น 2,120 ลิตร กระจกบานฝาท้ายขนาดใหญ่โค้งรับกับเสาท้ายได้อย่างกลมกลืน ที่ปัดน้ำฝนกระจกบานฝาท้ายต้องมีขนาดความยาวใบปัดมากกว่าปกติ เพื่อครอบคลุมการทำความสะอาดกระจกบานหลัง เมื่อขับท่ามกลางสายฝนแล้วมีละอองน้ำทำให้กระจกบานฝาท้ายสกปรก จุดยึดต่างๆ ในห้องเก็บสัมภาระมีมาให้พอสมควร รวมถึงแผ่นพับปิดด้านบนที่ออกแบบได้ดี การพับเบาะแถวที่สองและสาม ใช้ระบบไฟฟ้า แค่กดปุ่มแล้วยืนรอให้เบาะพับใช้เวลาไม่นานนัก
ห้องโดยสารคือที่สุดของเอสยูวีตระกูล Series-X พื้นที่ภายในอันกว้างขวางของ X7 นำเสนอความรู้สึกใหม่ของพื้นที่กับเซกเมนต์ที่เน้นความหรูหรา เบาะนั่งสามแถว ช่วยให้คนขับและผู้โดยสารรู้สึกได้ถึงขนาดความกว้าง สภาพแวดล้อมภายในที่ตกแต่งอย่างหรูหรามีระดับและโดดเด่นพอๆ กับ Series-7 LCI พื้นผิวแดชบอร์ดกว้าง หุ้มด้วยวัสดุไวนิลอย่างดี โครงสร้างที่สะอาดตาของแดชบอร์ด ช่วยทำให้แผงหน้าปัด TFT ดูทันสมัยและมีเส้นสายที่ไหลเข้าสู่แผงประตูจากความจงใจของการออกแบบ บนแผงหน้าปัดและคอนโซลกลางล้อมกรอบด้วยชิ้นงานตกแต่งที่ทำให้รถดูแพงมากยิ่งขึ้น ห้องโดยสารมีความพิเศษเฉพาะตัว มีอุปกรณ์เท่าที่จำเป็นและใช้งานได้ง่ายจากฟังก์ชั่นอันหลากหลายของระบบปฏิบัติการณ์ OS7
อุปกรณ์จัดกลุ่มไว้อย่างชัดเจนในคอนโซลกลางบริเวณซุ้มคันเกียร์ที่หรูหรา ได้แก่ iDrive Controller, หัวเกียร์แก้วคริสตัลที่ออกแบบใหม่ พร้อมสัญลักษณ์ X ที่สะท้อนแก้วเจียระไนเงางามแวววับ, ปุ่มสตาร์ต/หยุด, สวิตช์ Driving Experience Control, โหมดควบคุม 4 รูปแบบ ECO-Pro / Comfort / Sport / Adaptive สวิตช์เบรกจอดรถแบบอิเล็กทรอนิกส์ และระบบควบคุมที่ควบคุมการตั้งค่าระบบกันสะเทือนแบบถุงลม ยกหรือลดความสูงได้ 5 ระดับหรือจะปล่อยให้ระบบควบคุมความสูงทำงานแบบอัตโนมัติไปตามโหมดขับเคลื่อนและสภาพเส้นทางก็ยังได้ ด้วยโหมดออฟโรดเสริม แผงควบคุมสำหรับระบบควบคุมสภาพอากาศแบบ 4 โซนใช้การออกแบบใหม่ที่ทันสมัย ลายไม้สีเทา-ดำ ตกแต่งบริเวณซุ้มเกียร์ ล้อมกรอบด้วยวัสดุที่ทำออกมาคล้ายกับอะลูมิเนียม
ขนาดความกว้างและความอเนกประสงค์ของภายในห้องโดยสาร X7 xDrive 40d M Sport จัดวางที่นั่งแบบมาตรฐาน 3 แถว (ให้พื้นที่สำหรับ 7 คน) ผู้โดยสารสองคนในแถวที่สาม สามารถนั่งในที่นั่งเต็มขนาด รองรับสรีระผู้โดยสารที่เป็นผู้ใหญ่ตัวโตได้อย่างเต็มที่ ตลอดการเดินทางไกล BMW ยังเพิ่มระดับความสบายด้วยแผงซันรูฟกระจกด้านหลัง ที่วางแก้ว และที่พักแขนที่แผงด้านข้าง การกำหนดค่ามาตรฐานแถวที่สองมีที่นั่งสำหรับสามคน เบาะนั่งและแผงประตู หุ้มหนังแท้ Merino เบาะโดยสารทุกตำแหน่งมีช่วงการปรับเช่นเดียวกับที่นั่งสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า ที่นั่งส่วนบุคคลสำหรับแถวที่สอง มีที่พักแขนในตัวและเบาะนั่งหุ้มหนัง Merino ที่นุ่มสบาย สร้างบรรยากาศที่หรูหราเป็นพิเศษในตำแหน่งผู้โดยสารด้านหลังตำแหน่งแถวกลาง ช่องว่างระหว่างที่นั่งแต่ละที่นั่งยังเป็นเส้นทางเข้าสู่แถวที่สามซึ่งออกแบบการใช้งานพับเก็บด้วยระบบไฟฟ้าทั้งหมดโดยไม่ต้องออกแรง เบาะแถวที่สามมีพื้นที่วางเท้าสำหรับผู้ใหญ่ที่ตัวไม่สูงมากนัก เบาะแถวสุดท้ายเหมาะสำหรับเด็กมากกว่าและถ้าพับเบาะแถวสามก็จะได้พื้นที่เก็บสัมภาระเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า
เบาะนั่งแถวที่สองใน X7 จะเลื่อนด้านหน้าและหลังได้ถึง 5.7 นิ้ว การปรับตำแหน่งด้านหน้า/ท้ายรถ เช่นเดียวกับตำแหน่งเบาะนั่งและมุมพนักพิงอื่นๆ ทั้งหมด เป็นการปรับด้วยไฟฟ้าสำหรับเบาะแถวที่หนึ่ง สอง และสาม พนักพิงที่นั่งในแถวที่สองและสามสามารถพับเก็บและยกขึ้นด้วยระบบไฟฟ้า โดยใช้สวิตช์ที่อยู่ฝั่งคนขับเมื่อคุณเข้าทางประตูด้านหลัง ในพื้นที่เก็บสัมภาระ ที่นั่งในแถวที่สองสามารถปรับเอียงไปข้างหน้าจนสุด เพื่อให้การเข้าและออกง่ายที่สุดสำหรับผู้โดยสารแถวที่สาม เบาะนั่งแถวที่สองสามารถคืนตำแหน่งตั้งตรงได้เพียงแค่กดปุ่ม เบาะนั่งสำหรับเด็กสามารถติดตั้งเข้าที่โดยใช้ชุดติดตั้ง ISOFIX
ตำแหน่งหน้า/หลังของเบาะนั่งแถวที่สองถูกปรับโดยใช้แผงควบคุมที่รวมอยู่ในประตูด้านคนขับ เบาะคนขับของ BMW X7 ออกแบบให้สามารถขยับเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าไปด้านหลังและไปข้างหน้าได้ด้วยการกดปุ่มที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งช่วยให้ผู้ขับขี่เพิ่มพื้นที่วางขา อำนวยความสะดวกในการเข้า/ออกของผู้โดยสารในที่นั่งแถวที่สองและสาม ปุ่มเพิ่มเติมสำหรับการปรับเบาะนั่งและพนักพิงอยู่ที่ประตูด้านหลัง พนักพิงของเบาะนั่งแถวที่สองและแถวที่สาม สามารถพับและยกขึ้นได้ เบาะแถวที่สองจะเลื่อนไปข้างหน้าและท้ายรถจากพื้นที่เก็บสัมภาระ เมื่อใช้เบาะนั่งทั้ง 6 และ 7 ที่นั่ง BMW X7 จะมีความจุในการบรรทุกสัมภาระ 48.6 ลูกบาศก์ฟุต (300 ลิตร) ซึ่งจะเพิ่มขึ้นเป็นสูงสุด 90.4 ลูกบาศก์ฟุต (2,120 ลิตร) เมื่อพับพนักพิงของเบาะนั่งแถวที่สองแบบมาตรฐานและเบาะแถวที่สามลง ระบบกันสะเทือนแบบถุงลมแบบมาตรฐานช่วยให้ลดระดับรถลงได้ (เพียงกดปุ่มที่ขอบฝาท้าย) เพื่อขนสัมภาระชิ้นโตได้ง่ายขึ้น ฝาท้ายแบบแยกส่วน ทั้งสององค์ประกอบ มีการเปิดและปิดด้วยไฟฟ้าแยกออกจากกัน เป็นฟังก์ชั่นพิเศษที่ใช้งานได้ง่ายและให้ความสะดวกสบายต่อการเปิดฝาท้ายแบบแยกจากกันหรือจะเปิดเฉพาะฝาท้ายด้านบนก็ยังได้ ฝาท้ายชิ้นล่าง แข็งแรงมากพอที่ผู้ใหญ่ตัวโตๆ จะขึ้นไปนั่งได้อย่างสบายๆ
ระบบปฏิบัติการ iDrive เวอร์ชั่น OS7 บรรจุโปรแกรมที่ถูกพัฒนาให้สั่งงานได้เร็วและง่ายดายขึ้น รองรับจอแสดงผลกลาง พร้อมสั่งงานด้วยระบบสัมผัส หรือจอทัชสกรีน หรือเข้าโปรแกรมการปรับตั้งด้วยปุ่มควบคุม iDRIVE แบบใหม่ รวมถึงระบบสั่งงานมาตรฐานเฉพาะตัวด้วยการโบกมือหรือ gesture control เจ้าของรถสามารถสั่งปรับอุณหภูมิภายในห้องโดยสารแบบล่วงหน้าก่อนใช้งานรถ ด้วยระบบพัดลม หรือฮีตเตอร์กับแอร์สำรอง ฟังก์ชั่นแสงสีภายในห้องโดยสาร หรือ Ambient Light รวมถึงไฟส่องนำทางบริเวณประตูฝั่งคนขับ Welcome Light Carpet ถูกติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อม Head-Up Display รุ่นใหม่ที่มีติดตั้งมาให้ ขณะที่เบาะนั่งแบบพิเศษ ระบบระบายอากาศเบาะ ระบบทำความร้อน Heat Comfort นอกจากนี้ X7 xDrive 40d M Sport คันทดสอบ ยังมาพร้อมกับอุปกรณ์เสริมหลังคากระจก Sky Lounge Panorama ที่งดงามสุดๆ ในเวลากลางคืนจากฟังก์ชั่นเรืองแสงที่คล้ายกับดาวระยิบระยับ องค์ประกอบอื่นๆ ของ BMW Live Cockpit Professional คือระบบ Navigation Professional ซึ่งเป็นระบบมัลติมีเดียบนฮาร์ดไดรฟ์ที่มีหน่วยความจำ 20 GB และพอร์ต USB หกพอร์ต รวมถึงอินเทอร์เฟซ Bluetooth สามารถตรวจจับผู้ขับขี่โดยอัตโนมัติและเปิดใช้งานการตั้งค่าส่วนบุคคลโดยใช้กุญแจรถแบบเดิมหรือโดยการดาวน์โหลดการตั้งค่าส่วนบุคคลของผู้ขับขี่จาก BMW Cloud
BMW Live Cockpit Professional ใน BMW X7 ผสมผสานแนวคิดการแสดงผลและการควบคุมแบบใหม่ เข้ากับการเชื่อมต่อขั้นสูง เพื่อสร้างแพ็กเกจการใช้งานรอบด้าน iDrive OS7 ประกอบด้วยแผงหน้าปัดดิจิทัลความละเอียดสูงขนาด 12.3 นิ้วหลังพวงมาลัยและจอแสดงผลส่วนกลางขนาด 12.3 นิ้วในแนวทแยงมุม ระบบมีการอัปเกรดฮาร์ดแวร์มากมาย รวมถึงการควบคุมแบบสัมผัส ผ่านตัวควบคุม iDrive อินเทอร์เฟซระบบสัมผัสขั้นสูงที่เหมือนแท็บเล็ต การแสดงภาพที่สวยงาม และจอแสดงผลที่ใหญ่ที่สุดที่มีใน BMW ระบบปฏิบัติการณ์ OS7 ผสมผสานจุดแข็งของแนวคิด iDrive รุ่นก่อน เข้ากับวิธีการที่ทันสมัยในการติดต่อกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แนวทางหลายรูปแบบของตัวควบคุมระบบสัมผัส iDrive, จอแสดงผลส่วนกลางแบบทัชสกรีนขนาดใหญ่, การควบคุมด้วยเสียงบนคลาวด์ และการควบคุมด้วยท่าทางสัมผัส รับรองได้ว่ามีฟังก์ชั่นใช้งานที่ต้องเรียนรู้กันอีกเพียบโดยใช้เวลาไม่นานในการสร้างความคุ้นชิน
BMW เพื่อเพิ่มขีดความสามารถแผงหน้าปัดดิจิทัลขนาดใหญ่ 12.3” เกจทรงกลมแบบดั้งเดิมได้พัฒนาเป็นการออกแบบใหม่ ผลักดันมาตรวัดความเร็วแบบดิจิทัลและมาตรวัดรอบเครื่องยนต์ไปที่ขอบด้านนอกของจอแสดงผลด้วยแถบเรขาคณิต การออกแบบใหม่นี้ เปิดพื้นที่ตรงกลางสำหรับการแสดงผลกำหนดเส้นทางและการนำทาง ข้อมูลจากจอแสดงผลส่วนกลาง ยังสามารถแสดงภายในมาตรวัดความเร็วรอบได้อีกด้วย โหมดการขับขี่ที่เลือกผ่านระบบควบคุมประสบการณ์คนขับยังส่งผลต่อรูปลักษณ์ของแผงหน้าปัดด้วยสีสันที่ปรับเปลี่ยนไปตามโหมดขับเคลื่อน
iDrive OS7 มีการออกแบบที่ล้ำสมัยและเป็นระบบดิจิทัลทั้งหมด ถูกปรับให้เข้ากับความต้องการของผู้ขับมากขึ้น โดยอนุญาตให้ปรับแต่งระบบ ตามความต้องการของตนเองด้วยวิดเจ็ตข้อมูลที่ปรับแต่งได้ การปรับเปลี่ยนในแบบระบุเฉพาะตัว ในระดับใหม่นี้ จะถูกจัดเก็บไว้ในระบบคลาวด์ของ BMW และสามารถติดตามลูกค้าไปยังรถยนต์ BMW คันอื่นๆ ได้ ข้อมูลจากหมวดหมู่ต่างๆ เช่น การขับขี่ สื่อสาระบันเทิง การนำทาง การเชื่อมต่อ และจากข้อมูลตัวรถ สามารถเลือกรวมกันได้แทบทุกรูปแบบในสี่เลย์เอาต์ จากทั้งหมดสี่แบบ บนจอแสดงผลส่วนกลาง สามารถสร้างหน้าเว็บได้หลายหน้า และเข้าถึงได้ง่ายเพียงปัดผ่านหน้าจอด้วยนิ้วเดียว!
พวงมาลัย M Sport แบบสามก้านหุ้มหนังแท้ สามารถพบเห็นได้ทั่วไปใน BMW ที่ตกแต่งด้วยอุปกรณ์เสริม M Sport เป็นพวงมาลัยที่มีก้านวงอุดมไปด้วยสวิตช์ปรับตั้งค่าต่างๆ ก้านวงด้านซ้าย เป็นสวิตช์ของชุดควบคุมและปรับตั้งความเร็วอัตโนมัติ Adaptive Cruise Control ส่วนก้านวงด้านขวา เป็นสวิตช์ที่ใช้เลือกฟังก์ชั่นต่างๆ ของระบบมัลติมีเดีย ปุ่มเร่งหรือลดเสียง ปุ่มรับหรือวางสายโทรศัพท์บลูทูธ ปุ่มสั่งงานด้วยเสียง หลังก้านวงพวงมาลัยทั้งสองฝั่ง คือแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift ใครที่เคยใช้พวงมาลัย M รุ่นที่แล้วจะพบว่าแป้นเปลี่ยนเกียร์ในพวงมาลัยรุ่นใหม่นั้นมีขนาดที่ใหญ่และใช้งานได้ถนัดมือมากยิ่งขึ้น
จุดเด่นของ BMW X7 xDRIVE 40d M Sport นอกจากความหรูหราและความสะดวกสบายแล้ว BMW ยังจัดเต็มระบบความบันเทิง ด้วยเครื่องเสียงเกรดสูง Bowers & Wilkins Diamond Surround Sound System แบรนด์เครื่องเสียงชั้นนำของอังกฤษ Bowers & Wilkins หรือที่หลายๆ คนเรียกติดปาก B&W มีต้นกำเนิดจากประเทศอังกฤษ ก่อตั้งขึ้นในปี 1965 โดย John Bowers และเพื่อนชื่อ Roy Wilkins ในปี 1966 B&W ออกลำโพงตัวแรกชื่อ P1 โดยเริ่มต้นด้วยการใช้ไดรเวอร์จากบริษัทอื่น ส่วนตู้ลำโพงทำเอง ต่อมาภายหลัง B&W ได้เริ่มทำลำโพงอย่างจริงจัง โดยมีนวัตกรรมต่างๆ ออกมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นดอกลำโพงแบบเคฟลาร์ หรือการใช้เพชร ส่วนลำโพงในตำนานของ B&W จะต้องนึกถึง B&W Nautilus ที่มีรูปร่างแปลกตาและให้เสียงในระดับสุดยอด รวมถึงรุ่น Series 800 ที่ให้เสียงน่าประทับใจ ตั้งแต่ปี 2000 เป็นต้นมาทาง B&W เริ่มให้ความสนใจลำโพงและหูฟังในตลาดคนใช้งานทั่วไปหรือที่เรียกว่าระบบ Multimedia โดยมีลำโพงคอมพิวเตอร์ชื่อดังอย่าง B&W MM-1 ที่ได้รับรางวัลว่าเป็นหนึ่งในลำโพงคอมพิวเตอร์แบบตั้งโต๊ะขนาดเล็กแห่งปี
X7 Bowers & Wilkins Diamond Surround Sound System มีซับวูฟเฟอร์ Rohacell 2 ตัว ความกว้าง 21.7 ซม. วางไว้ใต้เบาะคู่หน้า ทวิตเตอร์โดม Diamond 2 x 25mm ฝังตัวอยู่ในเสา A ทั้งสองข้าง มีหน้าที่ในการทำให้เสียงและความถี่สูงขึ้นอย่างชัดเจนที่สุด จริงๆ แล้ว Bowers & Wilkins ใช้เพชรแท้เพราะมีอัตราส่วนความแข็งต่อความสว่างที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งทำให้เป็นวัสดุทำทวิตเตอร์ที่สมบูรณ์แบบ เป็นครั้งแรกที่เพชรถูกนำมาใช้ในระบบเครื่องเสียงรถยนต์ ตะแกรงลำโพงทำจากสแตนเลสที่เรียกว่ารูปแบบเอฟเฟกต์ Fibonacci ซึ่งรับประกันความโปร่งใสของเสียงสูงสุด พร้อมการเรืองแสงในตอนกลางคืนอีกต่างหาก ทวิตเตอร์กรวยลำโพงอะลูมิเนียมอีก 5 ตัววางอยู่ในจุดต่างๆ รอบห้องโดยสาร ซึ่งนำมาจากซีรีส์ 800 ใช้จริงในสตูดิโอของ Abbey Road ถือเป็นมรดกตกทอดทางเสียงที่น่าประทับใจ นอกจากนี้ยังมีลำโพงเสียงกลาง Aramid Fiber ขนาด 7 x 100mm อะรามิดไฟเบอร์ที่ได้รับความไว้วางใจอย่างสูงในอุตสาหกรรมการทหาร การบินและอวกาศ ปิดท้ายเสียงด้วยเบสที่ทุ้มลึก ซัฟ Rohacell สองตำแหน่งยึดติดกับตัวถังรถเพื่อความสมดุลในอุดมคติของความเบาและความแข็งแกร่ง ช่วยสร้างวัสดุที่สมบูรณ์แบบสำหรับโครงสร้างของซัฟวูฟเฟอร์ที่ให้เสียงเบสโคตรหนักแน่น เสียงเบสใน X7 มีคุณสมบัติที่น่าประทับใจของระบบเสียง Diamond Surround Sound สามารถพูดได้อย่างตรงไปตรงมาว่าผมไม่เคยได้ยินเสียงเบสแบบนี้มาก่อน แม้ในระดับเสียงที่ดังมาก คือเร่งแม่งจนสุด ก็ไม่พบว่าเกิดการบิดเบือนด้านคุณภาพของเสียงแต่อย่างใด ส่วนประกอบทั้งหมดรวมกันเพื่อผลิตเอาต์พุตรวม 1,475 วัตต์ น่าประทับใจอย่างยิ่งสำหรับระบบสเตอริโอในรถยนต์ยุคใหม่
เครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 6 สูบ 3 ลิตร กระบอกสูบละ 500 ซีซี. อัดอากาศด้วยเทอร์โบ มีแรงบิดมากถึง 620 นิวตันเมตร เป็นแรงบิดแบบ Flat-torque ที่นักขับชื่นชอบ ผสานกับประสิทธิภาพของการทดกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ ZF-8 สปีด ซึ่งเป็นระบบส่งกำลังแบบ Steptronic 8 อัตราทด ส่งแรงบิดแบบอัตราทดผกผันไปยังล้อทั้งสี่ ด้วย xDrive โดยเฉพาะแรงบิดของล้อคู่หน้าที่ส่งผ่านมาจากชุด transfer case ที่ต่อเชื่อมกับเกียร์ 8 สปีด ชุดขับเคลื่อนสี่ล้อ กระจายแรงบิดไปยังล้อคู่หลังผ่านเพลากลางและเฟืองท้าย เครื่องยนต์ดีเซลมีความสุภาพในย่านความเร็วต่ำ แต่ก็พร้อมจะพุ่งทะยานหากคันเร่งถูกกระตุ้น เอสยูวีเรือธงตราใบพัดคันนี้จะกลายร่างเป็นรถที่มีอัตราเร่งดุเดือด ขัดแย้งกับเรือนร่างที่ใหญ่โตและน้ำหนักที่มากถึง 2.3 ตัน
เครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 6 กระบอกสูบ รหัส B57D30 ความจุ 3.0 ลิตร (2,993 ซีซี.) เครื่องยนต์วางตามยาวขับเคลื่อน 4 ล้อด้วยระบบ xDRIVE โดยออกแบบให้วางอยู่ในระดับที่ต่ำเพื่อลดค่า CG การลดจุดศูนย์ถ่วงลง รวมถึงการกระจายน้ำหนักที่สมมาตร เพื่อทำให้รถมีการทรงตัวที่ดีขึ้น ขนาดความกว้างกระบอกสูบ 83.0 มิลลิเมตร ช่วงชัก 90.0 มิลลิเมตร บล็อกเครื่องยนต์ใช้อะลูมิเนียม ฝาสูบแบบดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาร์ป DOHC 4 วาล์วต่อสูบ อัตราส่วนกำลังอัด 16.5:1 ระบบอัดอากาศเทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo ติดตั้งเทอร์โบแปรผันตัวเดียวโดดๆ พร้อมชุดลดอุณหภูมิไอดีอินเตอร์คูลเลอร์ ระบบจ่ายเชื้อเพลิงแบบยิงตรงคอมมอนเรลไดเรคอินเจคชั่น หัวฉีดแรงดันสูง Piezo มีแรงดันในระบบ 2,500 บาร์ ให้กำลังสูงสุด 265 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 620 นิวตันเมตร ที่ 2,000-2,500 รอบต่อนาที ตัวเลขสมรรถนะของ X7 xDRIVE 40d M Sport เร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 7 วินาที ความเร็วสูงสุด 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง เคลมมาจากหน้าโรงงานทำได้ 13 กิโลเมตรต่อลิตร ขับจริงทั้งในและนอกเมืองทำได้ 8.5-10.2 กิโลเมตรต่อลิตร ถือว่าประหยัดใช้ได้เลยทีเดียว เมื่อเทียบกับขนาดที่ใหญ่โตของตัวถังและน้ำหนักรถที่มากถึง 2.3 ตัน ส่วนอัตราการปล่อย CO2 ทำได้ที่ 198 กรัมต่อระยะทาง 1 กิโลเมตร เป็นเครื่องดีเซล 6 สูบ ยุคใหม่ที่มีความสะอาดพอใช้ได้เลยละครับ
ระบบส่งกำลังของ X7 xDRIVE 40d ติดตั้งเกียร์อัตโนมัติขับเคลื่อน 4 ล้อ ZF 8HP เป็นชุดส่งกำลังที่มีประสิทธิภาพของ ZF Friedrichshafen AG สำหรับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อมระบบไฮดรอลิก ชุดเชื่อมต่อเพลาหน้าและหลัง Transfer Case และชุดเกียร์ Planetary gearsets พัฒนาเพื่อนำมาใช้งานในรถยนต์ BMW เครื่องยนต์วางตามยาว ขับเคลื่อนทั้ง 2 ล้อและ 4 ล้อ (xDRIVEX) ระบบเกียร์ทั้งชุด รวมถึงเพลาขับหน้า-หลัง ออกแบบและสร้างโดยบริษัท ZF ใน Saarbrücken ระบบส่งกำลังของ ZF เปิดตัวเป็นครั้งแรกใน BMW 7 Series (F01) รุ่น 760Li โดยนำมาเชื่อมต่อกับเครื่องยนต์เบนซิน V12 นับจากนั้นเป็นต้นมา BMW รุ่นใหม่ทุกรุ่นนับจาก Series-1 ไปจนถึง Series-8 รวมถึง Z4 กับรถยนต์อเนกประสงค์ตระกูล X ในรุ่นขับเคลื่อนล้อหลังและรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ ก็ติดตั้งเกียร์ ZF 8HP ทุกรุ่น หนึ่งในเป้าหมายหลักของระบบเกียร์ ZF 8 สปีด คือ การปรับปรุงอัตราทดให้ครอบคลุมกับรอบเครื่องยนต์ ประสิทธิภาพในการทดกำลังแล้วถ่ายเทออกมาเป็นแรงบิดในรอบเครื่องยนต์ที่แตกต่างกัน รวมไปถึงอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเมื่อใช้โหมดประหยัด (ECO PRO) โหมดมาตรฐาน (COMFORT) โหมดซิ่ง (SPORT) และโหมดของคนมือบอนที่ชอบการปรับตั้งค่าต่างๆ ด้วยตัวเอง (Adaptive) การออกแบบชิ้นส่วนภายในใหม่ ทำให้ระยะเวลาในการเปลี่ยนเกียร์ลดลงเหลือ 200 มิลลิวินาที นอกจากนี้ อิเล็กทรอนิกส์ที่ควบคุมการทำงานของเกียร์ สามารถเปลี่ยนอัตราทดในลักษณะที่ไม่ต่อเนื่อง (กระโดดข้ามเกียร์) จากเกียร์ 8 ถึงเกียร์ 2 ในสถานการณ์ที่เกียร์จะต้องเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว เมื่อระบบเบรกถูกใช้งานอย่างเต็มกำลัง รุ่น 8HP70 ออกแบบให้สามารถรับแรงบิดสูงสุดได้ถึง 700 นิวตันเมตร (516 ปอนด์) ชุดเกียร์ทั้งลูกมีน้ำหนัก 87 กิโลกรัม (192 ปอนด์) เกียร์ ZF 8HP เจเนอเรชันที่ 3 เปิดตัวในปี 2018 มีการปรับปรุงหลักๆ คือ ประหยัดน้ำมันขึ้นอีก 2.5% เมื่อเทียบกับเกียร์รุ่นที่ 2 นอกจากนั้นชุดเกียร์ยังออกแบบให้ใช้งานกับระบบ mild hybrid และ plug in hybrid ของ X5 xDRIVE 45e โดยถูกยกมาประจำการอยู่ใน X6 G06 เจเนอเรชันล่าสุดอีกด้วย
ฟังก์ชั่น Auto Start Stop และฟังก์ชั่น Coasting ที่ใช้ร่วมกับเกียร์ Steptronic 8 สปีดใน BMW X7 ใหม่ ทำงานผ่านข้อมูลที่ได้รับจากระบบนำทางและจากข้อมูลที่ให้มาโดยกล้องหน้าของระบบช่วยเหลือการขับขี่ Active Guard มาตรฐาน ด้วยวิธีนี้ สามารถป้องกันการดับเครื่องยนต์ที่ไม่มีประสิทธิภาพได้ เช่น เมื่อหยุดชั่วครู่ที่ทางแยกหรือวงเวียน การเคลื่อนตัวของรถคันข้างหน้าได้รับการบันทึกเพื่อกำหนดช่วงเวลาที่เหมาะสม สำหรับฟังก์ชั่น Auto Start Stop เพื่อหยุดและสตาร์ตเครื่องยนต์ ฟังก์ชั่น Coasting สามารถใช้งานได้เมื่อเลือกโหมด ECO Pro หรือ COMFORT โดยใช้สวิตช์ Driving Experience Control การแยกส่วนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของระบบส่งกำลังจะเกิดขึ้นในสถานการณ์การขับขี่ที่ประสิทธิภาพและความสะดวกสบายจะไม่ลดลง หากยกคันเร่งกะทันหัน ระบบส่งกำลังจะยังเชื่อมต่ออยู่เพื่อให้สามารถใช้การเบรกของเครื่องยนต์เพื่อรองรับการชะลอตัว ด้วยเหตุผลเดียวกัน ระบบจะตัดการเชื่อมต่อของระบบส่งกำลังเมื่อเข้าใกล้ทางแยกหรือรถคันข้างหน้า
การยึดเกาะ ความปราดเปรียว และเสถียรภาพความนิ่ง ไดนามิกของการขับเคลื่อนในการรักษาทิศทางของ X7 ตกอยู่ที่ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ BMW xDrive เวอร์ชันล่าสุดใน X7 สามารถแยกแรงบิดในการขับระหว่างล้อหน้าและล้อหลังมากยิ่งขึ้น แม่นยำและรวดเร็วขึ้น ตามความเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์การขับและสภาพถนน ความเร็ว มุมเลี้ยว เพื่อประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น xDrive ส่งกำลังเต็มที่ไปยังล้อหลังได้อย่างสมบูรณ์ 100% ในสถานการณ์ที่ไม่ต้องการแรงฉุดลากแบบขับเคลื่อนสี่ล้อ หรือในขณะที่ทะยานเต็มกำลังบนไฮเวย์
ระบบขับสี่ xDrive มีการตั้งค่าเอนเอียง เพื่อส่งกำลังไปด้านหลังมากกว่าปกติ เมื่อผู้ขับใช้โหมดสปอร์ต ดิฟเฟอเรนเชียล M Sport ด้านหลัง ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ จะเข้ามาสนับสนุนช่วงเวลาเหล่านี้สำหรับการขับแบบไดนามิก การจำกัดความเร็วรอบการหมุนของล้อภายในและภายนอกให้เท่ากัน เฟืองท้าย M Sport สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการถ่ายโอนกำลังไปยังถนน ในทุกสถานการณ์ ส่งผลให้ BMW X7 สามารถพุ่งออกจากทางโค้งด้วยโมเมนตัมที่เหนือชั้น ควบคุมโดยระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (DSC) ฟังก์ชั่นล็อกเฟืองท้ายด้านหลัง ยังช่วยเพิ่มการยึดเกาะถนน และการจ่ายกำลังเมื่อขับในสภาวะออฟโรด บนพื้นผิวถนนซึ่งมีระดับการยึดเกาะที่ต่างกัน สำหรับล้อหลังซ้ายและล้อหลังขวา โดยป้องกันไม่ให้ล้อหมุนเมื่อเกิดอาการลื่นไถล การล็อกอัปทำงานโดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้า และอนุญาตให้เปลี่ยนถ่ายแรงบิดอย่างอิสระ จากล้อที่มีการยึดเกาะน้อยกว่าไปยังล้อที่มีการยึดเกาะที่มากกว่า ในจุดนี้ถือว่าทำออกมาได้ดีมาก
เมื่อเลือกเรือธงเอสยูวีตราใบพัด มันจะทำให้คุณหลงใหลได้ปลื้มไปกับรายการออปชั่นที่จัดโดย BMW Thailand เจ้า X7 รุ่นนี้ ขับดีทุกโหมด โดยเฉพาะ Sport Mode ที่รถจะมีแรงบิดให้ใช้อย่างสาแก่ใจ เหมาะกับการกระชากร่างหนัก 2.3 ตัน ทะยานขึ้นเนินชันว่องไวราวกับรถคันเล็ก! นับเป็น SUV หรูหราที่ขับได้อย่างสนุกสนาน มีไดนามิกที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ แตกต่างจากคู่แข่งอย่าง GLS ซึ่งเป็นรถใหญ่ที่เน้นความสบายมากกว่าจะมุ่งไปในด้านความสปอร์ต รถพวกนี้เวลาเลี้ยวเร็วๆ แต่ละทีจะรู้สึกได้ถึงแรงต้านของพวงมาลัยที่เกิดจากน้ำหนัก โปรดจำไว้ว่า การซื้อรถยนต์ราคาแพงอย่าง X7 ที่มีขนาดและราคาสูสีกับ GLS350d ถ้าคุณไม่ได้ต้องการรถที่มีถึงเจ็ดที่นั่ง ก็ยังมี X5 xDRIVE 45e M Sport หรือ AMG GEL53 ที่ถูกและคล่องตัวมากกว่า มันดูจะเป็นการจ่ายที่สมเหตุสมผล การถอยเจ้ายักษ์เอสเอวีแม้จะดูดี แต่มันใหญ่จนทำให้ครอบครัวที่ไม่มีลูกเด็กเล็กแดงรู้สึกเหงาเวลาขับ
ในประเทศไทย X7 ไม่มีตัวเลือกไฮบริด-ปลั๊กอินหรือรุ่นเครื่องยนต์ V8 ที่แสนแพง เพื่อช่วยลดอัตราภาษีของลูกค้า X7 XDRIVE 40d ได้รับการประกอบในประเทศไทย ที่โรงงานของ BMW Group ในจังหวัดระยอง หากคุณสามารถเป็นเจ้าของ X7 ในราคา 6.9 ล้านบาท นั่นหมายถึงการเป็นเจ้าของยานพาหนะคันโตที่เร็วและสะดวกสบายโดยยังคงความประหยัดในระดับ 9.5 กิโลเมตรต่อลิตรได้อย่างไม่ยากเย็นนัก X7 แทบไม่ต่างจาก Mercedes-Benz GLS ทั้งสองรุ่น มีที่นั่งสามแถว แถวกลางมีตัวเลือกของเบาะปรับพับด้วยไฟฟ้าพร้อมความหรูหราของหนังและลวดลายที่ใช้ห่อหุ้ม เบาะคู่หน้ามาพร้อมกับระบบปรับอากาศภายใน (คล้ายรถยนต์ของ Lexus) เบาะหุ้มหนัง Merino สีน้ำตาลทำให้ห้องนั่งเล่นเคลื่อนที่คันนี้มีความหรูหราเกินหน้าเกินตารถคู่แข่ง เบาะแถวที่สองปรับและพับด้วยไฟฟ้า เพื่อเปิดพื้นที่ให้กับผู้โดยสารแถวที่สาม (ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ไม่ค่อยได้ใช้งานเท่าไร)
ตามปกติแล้ว BMW ใส่กลอุบายทางเทคนิคไปที่แชสซี ระบบแอร์สปริง Adaptive Air Suspension แบบปรับระดับความสูงได้ ซึ่งเซตมาคนละฟีลลิ่งกับ GLS ดังนั้น การขับของมันจึงสามารถทำผลงานที่น่าประทับใจได้ทั้งบนไฮเวย์และการขับแบบออฟโรด แต่จนแล้วจนรอดก็แทบจะไม่มีเศรษฐีคนไหนเอาไปลุยหนักๆ สักที!! รุ่น XDRIVE40d ซึ่งเป็นรถออฟโรดดีเซลหนัก 2,370 กิโลกรัม เครื่องยนต์ผลิตแรงบิดมหาศาลและดูเหมือนจะไม่มีวันหมด เก็บเสียงดีราวกับห้องสมุดตอนเที่ยงคืนและเลี้ยวได้แคบพอๆ กับ Series-7 รุ่นใหม่ทั้งๆ ที่สูงใหญ่กว่าเยอะ X7 แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเหตุใด SUV หรูหราจึงกลายเป็นรถที่คนรวยชื่นชอบ มันกลืนกินระยะทางด้วยความเงียบ การนั่งโดยสารบนเบาะแบบพิเศษที่เน้นความหรูหรา พื้นที่ใช้สอยภายในขนาดใหญ่ และจุดชมวิวรอบคันที่สูงกว่ารถทั่วไป ระบบกันสะเทือนแบบถุงลมเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ระบบบังคับเลี้ยวไฟฟ้าที่มีน้ำหนักพวงมาลัยมากกว่า GLS เล็กน้อย ระบบรักษาเสถียรภาพแบบแอกทีฟ เฟืองท้ายไฟฟ้า LSD ด้านหลังแบบอิเล็กทรอนิกส์ การตั้งค่าในโหมดสบายๆ อย่าง Comfort ดูเหมือนจะทำให้ง่วงนอนมากเกินไป พอเปลี่ยนไปใช้ Sport Mode ก็ทำให้ต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาเพื่อควบคุมมวลกว่า 2.3 ตันที่เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วพร้อมกับความนิ่งและเงียบงัน
มันบังคับทิศทางด้วยพวงมาลัยไฟฟ้าที่เซตน้ำหนักและการตอบสนองมาดี หมุนเพียงเล็กน้อยก็ไปตามต้องการ น้ำหนักของพวงมาลัยดูเหมือนจะหนักกว่า GLS นิดหน่อย ไม่ต้องประหลาดใจจากการยึดมั่นในศักดิ์ศรีของ BMW ที่จะต้องเซตรถให้ออกมาในแบบสปอร์ต การขับที่น่าประทับใจขณะแล่นผ่านโค้ง ในโหมด Comfort มันให้ความนุ่มนวล อาการโคลงตัวน้อย ออกตัวเร็วๆ หน้ารถก็ไม่เชิดมากนัก แถมด้วยการถ่ายเทน้ำหนักขณะเบรกที่ทำออกมาได้ดี การวิ่งบนไฮเวย์เรียบๆ X7 ดูเหมือนจะลอยละล่องราวกับเรือเดินสมุทร แชสซีในโหมด Adaptiv หรือ Sport และลูกๆ ของคุณจะไม่ป่วย การควบคุมนั้นง่ายและดี มันดีกว่ารถ SUV แบบ “สปอร์ต” หรือรถอเนกประสงค์ของอเมริกันที่มีขนาดพอๆ กับรถบรรทุก นุ่มเงียบ และไม่เหวี่ยงหรือโยนตัว ขับได้อย่างสม่ำเสมอทั่วทั้งเมือง ถนนที่เป็นก้อนกรวด หรือมอเตอร์เวย์ที่ขรุขระ
มวล 2.3 ตัน จะส่งถ่ายความรู้สึกที่กลายเป็นแรงต้านมาที่พวงมาลัย เมื่อเลี้ยวในโค้งมุมกว้างด้วยความเร็วสูง อัตราเร่งที่ทำให้รู้สึกได้ถึงพลังและแรงดึงที่ต่อเนื่อง เครื่องยนต์ 40d 3.0 ลิตร เทอร์โบ ที่ทำงานได้อย่างยอดเยี่ยม แรงบิดรอบกลางที่ส่งให้รถมีความคล่องแคล่ว และทำความเร็วได้ราวกับรถสปอร์ตคันเล็ก การกดคันเร่งอย่างนิ่มนวลถือเป็นการขับที่ถูกต้องสำหรับการใช้งานเรือธงเอสยูวีคันโตราวกับบ้านเคลื่อนที่ ช่วงล่างถุงลมกับแชสซีที่ใช้ร่วมกับ Rolls Royce ให้ความรู้สึกหนึบแน่นและแข็งกว่า GLS350d ซึ่งใช้ช่วงล่างแบบ Air Matic Suspension เหมือนกันแต่ให้ความรู้สึกนิ่มนวลกว่าเล็กน้อย การขับของ X7 คล้ายกับการล่องเรือไปในทะเลสาบที่เงียบสงบ เป็นการขับที่เน้นความสบาย ผสมผสานกับความไหลลื่นของระบบขับเคลื่อนและความเงียบสงบของห้องโดยสาร
BMW X7 นั้นกว้างใหญ่ไพศาล การขับรถและจอดรถในเมืองโดยเฉพาะที่จอดรถในห้างดังจึงอาจเป็นเรื่องยากอยู่เหมือนกัน แต่ไม่ต้องกลัวครับ X7 xDrive 40d มาพร้อมกับเซนเซอร์ด้านหน้าและด้านหลัง กล้องหลายตัวสำหรับมุมมอง 3 มิติของรถ และระบบช่วยจอดและย้อนกลับอัตโนมัติ ถ้าเข้าซอยแคบแล้วถอยออกลำบากตัวช่วยถอยอัตโนมัติจะทำให้คุณรอดจากการเฉี่ยวชนสิ่งกีดขวางที่อยู่ในซอยเส้นก๋วยเตี๋ยวเหล่านั้น เมื่อเอาไปขับนอกเมือง บนถนนในชนบทที่คดเคี้ยว X7 เป็นหนึ่งใน SUV ที่ให้ความเป็นระเบียบที่สุดเมื่อเทียบกับยานยนต์เอสยูวีไซส์โตประเภทเดียวกัน แม้จะมีขนาดเท่ากัน แต่คุณอาจจะสนใจมากกว่าว่าระบบกันสะเทือนแบบถุงลมของมันทำให้นั่งขับสบายแค่ไหนเมื่อเจอกับผิวถนนที่ไม่เรียบ ความเงียบของรถที่คล้ายการล่องเรือไปบนมอเตอร์เวย์ ที่ความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ลมและเสียงรบกวนจากถนนแทบไม่มีเลย คุณต้องขับเร็วเกิน 140 ถึงจะเริ่มได้ยิน การเพิ่ม Driving Assistant Professional ของ BMW จะทำให้ระบบเร่งความเร็ว เบรก และให้คุณอยู่ในเลนเพื่อการขับขี่ที่ผ่อนคลายยิ่งขึ้น ใช่ครับ มันเป็นระบบแรกที่ผมปลดการทำงานเพราะไม่อยากให้ระบบช่วยขับเข้ามาแทรกแซงการควบคุมมากจนเกินไป
BMW มีความตั้งใจที่จะปรับความรู้สึกของการนั่งให้ X7 คล้ายกับ Series-7 ที่มีความสามารถในการลุย มันออกตัวบนสัญญาณไฟเขียวได้ดีพอๆ กับ X5 เทคโนโลยีไฮบริด Mild Hybrid 48V เจ้าของส่วนใหญ่ยังคงเลือกรุ่นดีเซล ซึ่งตอนนี้แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพความน่าใช้ ด้วยรุ่น xDrive40d ที่มีกำลัง 265 แรงม้า เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ 3.0 ลิตร ที่ปรับปรุงแล้ว ให้การขับเคลื่อนที่ยอดเยี่ยม สำหรับการลากจูง ด้วยแรงบิดเอาต์พุต 620 นิวตันเมตร เร่งจาก 0-100 ใน 7.0 วินาที เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดไหลลื่นนิ่มนวลและตอบสนองต่อการทดกำลังได้อย่างแม่นยำเหมือนเดิม เกียร์ Steptronic ของ ZF ยังคงเป็นระบบส่งกำลังที่มีความโดดเด่นของ BMW ได้รับการอัปเกรดซอฟต์แวร์ควบคุมการทำงาน เพื่อให้สามารถสตาร์ตได้เร็วและแซงได้เร็วกว่า เช่นเคย ระบบกันสะเทือนถุงลมสองเพลาแบบปรับได้ พวงมาลัยไฟฟ้าได้รับการปรับจูนใหม่ เพื่อความรู้สึกที่พิเศษยิ่งขึ้น ช่วงล่างแอร์สปริงและระบบรักษาเสถียรภาพ กับ xDrive ให้ความมั่นคงในย่านความเร็วสูง ลดอาการโคลงตัวเมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็ว สามารถขับขี่ได้อย่างนุ่มนวลในย่านความเร็วต่ำด้วยโหมด ECo Pro หรือ ‘Comfort’ และจัดการกับรถได้อย่างคล่องแคล่วบนเส้นทางที่คับแคบแถบดอยช้างที่ผมเคยทดสอบเมื่อหลายเดือนก่อน แค่เผื่อระยะเบรกและทำตัวให้สุภาพเวลาขับเจ้ายักษ์เยอรมันคันนี้ หากคุณตั้งค่า ‘Drive Performance Controller’ เป็น ‘Sport’ ตำแหน่งการขับที่มองเห็นได้รอบตัวและทางตรงยาวๆ จะทำให้คุณรู้สึกหลงรักเจ้ายักษ์คันนี้
SUV ระดับซุปเปอร์ลักชัวรี่ที่แปลกใหม่ เช่น Lamborghini Urus, Rolls Royce Cullinan และ Mercedes-Maybach GLS ล้วนแต่ใช้งานได้ดี แต่จริงๆ แล้วรถยนต์อเนกประสงค์ Luxury เหล่านั้น นั่งได้เพียง 5 คนเท่านั้น หากคุณต้องการ SUV หรูหราเจ็ดที่นั่ง และต้องการสิ่งที่ดีกว่า Audi Q7 หรือ Volvo XC90 ทางเลือกเดียวของคุณคือ Range Rover หรือ Bentley Bentayga หรือถ้าคุณอยากได้รถคันใหญ่กว่านั้น ก็ยังมีเอสยูวีดีๆ อย่าง Mercedes GLS แต่ถ้าคุณเป็นแฟนคลับบีเมอร์ การเดินไปหยิบกุญแจ BMW X7 ถือเป็นเรื่องที่ถูกต้อง มันอาจไม่คุ้มกับเงิน 6.1 ล้านมากนัก แต่ X7 ขับได้ดีเหลือกำลังลากและสบายจนไม่อยากจะลงจากรถเลยละครับ.
BMW X7 xDRIVE 30d M SPORT
รายละเอียดด้านเทคนิค
เครื่องยนต์ ดีเซล 6 สูบ เทคโนโลยี BMW TwinPower Turbo
ปริมาตรกระบอกสูบ 2,993 ซีซี
กำลังสูงสุด 195 กิโลวัตต์ 265 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 620 นิวตันเมตรที่ 2,000-2,500 รอบต่อนาที
ความเร็วสูงสุด 227 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง 7.0 วินาที
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ย-อ้างอิงผล ECO Sticker 13.3 กิโลเมตร/ลิตร
ระดับการปล่อย CO2 เฉลี่ย 198 กรัม/กิโลเมตร
ล้อ ล้ออัลลอย BMW Individual ขนาด 22 นิ้ว ลาย Y-spoke แบบสลับสี
ขนาดยาง ล้อหน้า: 9.5 J x 22 / ยาง 275/40 R22
ล้อหลัง: 10.5 J x 22 / ยาง 315/35 R22
มิติรถยนต์ ยาว 5,151 มิลลิเมตร กว้าง 2,000 มิลลิเมตร สูง 1,805 มิลลิเมตร
ปริมาตรในการบรรจุของ 300-2,120 ลิตร
น้ำหนักรถสุทธิ 2,370 กิโลกรัม
ระบบขับเคลื่อนและเทคโนโลยี
เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ แบบ Sport Steptronic
ช่วงล่างถุงลม Adaptive 2-axle
พวงมาลัยไฟฟ้าปรับน้ำหนักตามความเร็วรถขณะขับขี่ (Servotronic)
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชั่น Stop&Go (Active cruise control with Stop&Go function)
ระบบช่วยการขับขี่ (Driving Assistant)
ระบบขับเคลื่อนอัจฉริยะ 4 ล้อ xDrive
ระบบปรับองศาของล้อหลังเพื่อการเข้าโค้งหรือเลี้ยว (Integral Active Steering)
ระบบควบคุมช่วงล่าง (Executive Drive Pro)
ระบบ BMW Head-up Display
ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดอัตโนมัติ รุ่น Plus (Parking Assistant Plus)
ระบบท่อไอเสีย M Sport
อุปกรณ์ภายนอก
ระบบไฟหน้า BMW Laserlight
ไฟตัดหมอกแบบ LED
ระบบปรับการทำงานไฟสูงอัตโนมัติ (High-beam Assistant)
คาลิปเปอร์เบรกดีไซน์ M Sport
ระบบปลดล็อกประตูอัจฉริยะ (Comfort Access System)
ระบบช่วยผ่อนแรงกระแทกขณะปิดประตู (Soft-close function for doors)
กุญแจรีโมตระบบสัมผัส (BMW Display Key)
หลังคากระจก Panorama Sky Lounge
ชุดตกแต่ง M Aerodynamics
ภายนอกตกแต่งด้วยวัสดุสีดำเงา
ราวหลังคาสีดำ เงา
บันไดข้างอะลูมิเนียม
อุปกรณ์ภายใน
เบาะนั่ง ที่วางแขนบริเวณคอนโซลกลาง และบางส่วนของคอนโซลหน้าและแผงประตูบุด้วยหนังแท้ Merino
ระบบอุ่นเบาะสำหรับคนขับและผู้โดยสารเบาะหน้า
เบาะนั่งตอนหน้าแบบ Comfort ปรับไฟฟ้าพร้อมระบบจำตำแหน่ง
ฟังก์ชั่นนวดผ่อนคลายสำหรับผู้โดยสารตอนหน้า
ระบบระบายอากาศสำหรับเบาะนั่งตอนหน้า
พวงมาลัยหุ้มหนังดีไซน์ M Sport
ชุดไฟส่องสว่างภายในและภายนอกห้องโดยสาร (Ambient Light)
เพดานหลังคาภายในบุด้วยวัสดุ Alcatara สี Anthracite
ที่วางแก้วบริเวณคอนโซลกลาง พร้อมฟังก์ชั่นควบคุมอุณหภูมิ
ภายในตกแต่งด้วยวัสดุหนังแท้
ภายในตกแต่งด้วยไม้ลาย ‘Fineline’ Black แบบ metal effect high-gloss
ภายในตกแต่งด้วยผลึกแก้ว ‘CraftedClarity’
ม่านบังแดดประตูหลัง
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 5 โซน
ระบบจัดเก็บสัมภาระท้ายรถ
ระบบความบันเทิงและการสื่อสาร
BMW Live Cockpit Professional
ระบบ BMW ConnectedDrive
ฟังก์ชั่นโทรทัศน์ดิจิทัล
ฟังก์ชั่นสั่งงานระบบ iDrive ด้วยการเคลื่อนไหวมือ (BMW Gesture Control)
ระบบเสียงรอบทิศทางคุณภาพสูง Bowers & Wilkins
ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย
ระบบความบันเทิงพร้อมจอภาพสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง รุ่น Profressional
ความปลอดภัย
ถุงลมนิรภัยสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า
ถุงลมนิรภัยด้านข้างสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า
ถุงลมนิรภัยศีรษะสำหรับผู้โดยสารตอนหน้าและหลัง (ยกเว้นผู้โดยสารตอนหลังกลาง)
ระบบ Teleservices
ปุ่มโทรออกฉุกเฉิน (Intelligent Emergency Call)
ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC)
ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน (DTC)
ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS)
เซนเซอร์ควบคุมระบบความปลอดภัยเมื่อเกิดการชน (Crash Sensor)
ระบบป้องกันการกระแทกจากด้านข้าง (Side Impact Protection)
ระบบ Active Protection
ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Attentiveness Assistant)
ระบบเตือนสถานะของยาง (Runflat Indicator)
เซนเซอร์ควบคุมระยะการจอดด้านหน้าและหลัง
กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง (Surround View Camera)
อาคม รวมสุวรรณ