พายุฤดูร้อนถล่ม ‘สังขละบุรี’ อ่วมหนัก บ้านเรือนประชาชนพังพินาศ
จากกรณีช่วงเย็นของวานนี้ วันที่ 26 เม.ย. เกิดพายุฤดูร้อน พัดถล่มพื้นที่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี พัดหลังคาบ้าน ต้นไม้ล้มทับบ้านเรือน สิ่งปลูกสร้าง อาคารสถานที่ทั้งหน่วยงานรัฐและของประชาชน อีกทั้งพื้นที่การเกษตร ได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง ส่งผลไปถึงไฟฟ้าดับทั้งอำเภอนั้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 27 เม.ย. เทศบาลตำบลวังกะ พร้อมฝ่ายปกครองอำเภอสังขะบุรี เจ้าหน้าที่ทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่สำรวจความเสียหายให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น บ้านเรือนประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากพายุฤดูร้อน โดย นายวิจารณ์ กุลชนะรัตน์ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลวังกะ อ.สังขละบุรี ร่วมลงพื้นที่ ทำการเก็บหลักฐานถ่ายภาพ พร้อมประชาสัมพันธืให้ประชาชนที่ได้รับความเสียหายมาลงทะเบียนเพื่อรับความช่วยเหลือเยียวยา จากการสำรวจเบื้องต้นมีบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างได้รับความเสียหายประมาณ 53 หลังคาเรือน แบ่งเป็นฝั่งเทศบาลตำบลวังกะ 31 หลังคาเรือนโดยเกิดความเสียหายมากที่สุดในพื้นที่ ซอยวัดศรีสุวรรณ และฝั่งชุมชนบ้านวังกะชุมชนไทยรามัญ บริเวณชุมชนดงสัก ชุมชนสะพานมอญ รวมกว่า 22 หลัง แต่ละหลังได้รับความเสียหายตั้งแต่เล็กน้อยจนถึงได้รับความเสียหายทั้งหลัง ซึ่งทางเทศบาลฯพร้อมให้ความช่วยเหลือตามระเบียบของทางราชการ โดยวันที่ 1 พ.ค. 66 จะมีการนำเข้าวาระที่ประชุมของคณะกรรมการช่วยเหลือ เพื่อจะเร่งให้ความช่วยเหลือให้เร็วที่สุดเนื่องจากในพื้นที่เข้าสู่ฤดูฝน
นายวิจารณ์ เปิดเผยว่า เทศบาลตำบลวังกะยังคงระดมทีมงานเพื่อตัดต้นไม้ที่ล้มขวางเพื่อเปิดเส้นทางการจราจร และเร่งตัดต้นไม้ที่ล้มทับบ้านเรือนประชาชน และสถานที่ราชการ อาทิโรงเรียนอนุบาลสังขละบุรี ที่โดนพายุพัดศาลาหน้าโรงเรียนพังทั้งหลัง และมีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บถูกศาลาทับ 1 ราย ได้นำส่งโรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา เนื่องจากอาการรุนแรงกระดูกหักหลายแห่ง กองร้อยตำรวจตะเวนชายแดนที่ 134 ได้รับความเสียหายพายุพัดศาลาพัง 1 หลังเช่นเดียวกัน นอกจากนั้นเทศบาลตำวังกะขอให้ประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากพายุฤดูร้อนในพื้นที่ของเทศบาลฯมาลงทะเบียนเพื่อขอรับความช่วยเหลือได้ที่เทศบาลวัง
ด้าน น.ส.พรเจริญ ปุณณะการี อายุ 20 ปี ชาวบ้านในพื้นที่ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ตั้งแต่เกิดมาพึ่งเคยเห็นพายุที่รุนแรงเช่นนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต และเนื่องจากบ้านหลังนี้อยู่ในทิศทางลมพายุ และติดแม่น้ำสามประสบหัวสะพานไม้อุตตมะนุสรณ์ จึงได้รับความเสียหายมากหลังคาบ้านพัดหายไปทั้งหลัง ช่วงเกิดเหตุตนและพ่อ แม่ พร้อมหลานๆนั่งอยู่ในบ้าน แต่หลังจากที่หลังคาบ้านปลิวไปกับแรงลมตนรีบวิ่งเก็บสิ่งของสำคัญในการทำงาน และทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ ออกจากบ้าน เนื่องจากฝนตกหนัก พร้อมวิ่งไปอาศัยบ้านของเพื่อนบ้านหลบพายุและฝน ต้องไปอาศัยบ้านญาตินอน คงต้องอาศัยนอนเช่นนี้อีกสักระยะจนกว่าจะซ่อมหลังคาบ้านเสร็จ ซึ่งได้แจ้งขอความช่วยเหลือกับเทศบาลเรียบร้อยแล้ว.