วันที่ 10 กรกฎาคม ของทุกปีคือ “วันลูกแมวแห่งชาติ” ก่อนเข้าสู่วงการทาสแมว ต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง และข้อดีของการเลี้ยงลูกแมวคืออะไร

วันลูกแมวแห่งชาติ (National Kitten Day) เริ่มต้นขึ้นเป็นครั้งแรกที่สหรัฐอเมริกา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเชิญชวนให้คนช่วยเหลืออุปการะลูกแมวจรจัดไร้บ้าน ลูกแมวที่ถูกทิ้งข้างถนน ลูกแมวตามมูลนิธิต่างๆ เพื่อช่วยลดปริมาณลูกแมวเร่ร่อน และช่วยให้ลูกแมวมีชีวิตที่ดีขึ้น

เมื่อตัดสินใจนำลูกแมวมาเลี้ยงแล้ว ว่าที่ “ทาสแมว” ต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง

1. ค่าใช้จ่าย

เพราะแมวเป็นสัตว์มีค่า ค่าใช้จ่ายอีกมากมายที่ต้องใช้ดูแลน้อง ไม่ว่าจะเป็น ค่าอาหาร ค่ากระบะทราย ค่าทรายแมว ค่าของเล่น ค่าวัคซีน ค่ารักษาในยามเจ็บป่วย รวมถึงค่าประกันสุขภาพน้องแมว ดังนั้นก่อนตัดสินใจรับเลี้ยงน้องแมว ต้องมั่นใจตัวเองก่อนว่าเรามีความพร้อมรับมือค่าใช้จ่ายเหล่านี้หรือยัง

ก่อนนำลูกแมวมาเลี้ยงต้องเตรียมกระบะทรายและทรายแมวให้พร้อม นอกจากนี้ต้องเปลี่ยนทรายใหม่เป็นประจำเพื่อรักษาความสะอาดด้วย

2. เวลา

แม้ว่าแมวจะเป็นสัตว์อินดี้ ที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง ไม่ออดอ้อนหรือติดคนมากเท่ากับน้องหมา แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ต้องการอยู่ใกล้เจ้าของเลย ดังนั้นเมื่อเป็นทาสแมวแล้วก็ต้องมีเวลาให้กับน้องด้วย อย่างน้อยก็ควรมีเวลาเล่น เกาคาง หวีขน อาบน้ำ ดูแลสุขภาพน้องแมวบ้าง เพราะกลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวที่เราต้องเอาใจใส่เช่นกัน

3. พื้นที่

จริงอยู่ที่การเลี้ยงน้องแมวไม่ต้องใช้พื้นที่มากเท่าการเลี้ยงน้องหมา แต่ก็ควรมีการจัดสรรพื้นที่ให้เป็นสัดส่วน โดยเฉพาะพื้นที่วางกระบะทราย ที่ควรแยกออกจากบริเวณที่เรานอน หรือนั่งเล่นเป็นประจำ เนื่องจากมีกลิ่นค่อนข้างรุนแรง นอกจากนี้พื้นที่ที่ใช้เลี้ยงแมวควรมีอากาศถ่ายเทสะดวก ไม่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป เพราะอาจทำให้น้องไม่สบายได้

4. เข้าใจและยอมรับ

สิ่งสำคัญที่สุดก่อนเลี้ยงแมวคือ ต้องเข้าใจธรรมชาติและพฤติกรรมของน้องแมวว่าเป็นสัตว์นักล่าที่ชอบหากินตอนกลางคืน โดยเฉพาะแมวจรที่เคยใช้ชีวิตดิ้นรนข้างนอกมาก่อน จึงทำให้น้องติดนิสัยนี้มาอย่างเลี่ยงไม่ได้ และมักจะเล่นซน หรือกวนเราตอนกลางดึกเป็นประจำ แต่เมื่อเลี้ยงและปรับพฤติกรรมไปสักระยะน้องก็จะปรับตัวนอนตามเวลาของเราได้ นอกจากนี้ต้องเข้าใจว่าอายุขัยของแมวไม่ยืนยาวเท่ามนุษย์ ซึ่งจะมีอายุขัยเฉลี่ยประมาณ 12-20 ปี ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดู หากเราดูแลน้องแมวอย่างดีก็จะมีอายุยืนยาวได้

การรับลูกแมวเร่ร่อน หรือแมวจรมาเลี้ยง นอกจากจะช่วยให้น้องมีชีวิตที่ดีขึ้นแล้ว การเลี้ยงลูกแมวก็ทำให้ชีวิตของผู้เลี้ยง หรือทาสแมวดีขึ้นด้วยเช่นกัน โดยข้อดีของการรับลูกแมวมาเลี้ยงมีดังต่อไปนี้

  1. การเลี้ยงแมวช่วยบรรเทาอาการซึมเศร้า วิตกกังวล และความเครียด เพราะการพูดคุยปัญหากับแมว หรือสัตว์เลี้ยงอื่นๆ จะไม่ตัดสิน หรือพูดจาทำร้ายจิตใจเหมือนกับการพูดคุยกับคน แต่แมวจะรับฟังทุกคำพูดของเราอย่างตั้งใจ ดังนั้นการเลี้ยงแมวจึงเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการบำบัดจิตใจสำหรับผู้ป่วยซึมเศร้า ที่จะทำให้ความเจ็บปวดภายในใจหายไปได้อย่างรวดเร็ว
  2. ช่วยให้คลายเหงา สำหรับคนโสด หรือผู้ที่พักอาศัยคนเดียว การเลี้ยงแมวจะช่วยให้คลายเหงาได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะลูกแมวที่อยู่ในวัยกำลังซน ที่มักจะมีกิจกรรมป่วนๆ ตลกๆ ให้เราได้คลายเครียดเสมอ นอกจากนี้การเล่นกับแมวยังเป็นกิจกรรมคลายเหงาและทำให้เรากับแมวมีความสนิทสนมกันมากขึ้นอีกด้วย
  3. การเลี้ยงแมวสามารถช่วยในการรักษาโรคออทิสติก จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งควีนส์แลนด์ พบว่าเด็กออทิสติกที่อยู่กับแมวมีแนวโน้มที่จะพูดคุย สบตา และยิ้มมากกว่าเด็กออทิสติกทั่วไป นั่นเป็นเพราะว่าความอ่อนโยนของแมวสามารถเข้ากับเด็กๆ เหล่านี้ได้ดีนั่นเอง
  4. แมวช่วยดูแลผู้ป่วยที่เป็นอัลไซเมอร์ได้ ผู้ป่วยอัลไซเมอร์ที่เลี้ยงแมวจะทำให้พวกเขามีความวิตกน้อยลง เพราะแมวดูแลตัวเองได้ และยังขี้อ้อน ช่วยให้ผู้เลี้ยงมีความสุขมากขึ้น อีกทั้งแมวยังเป็นสัตว์เลี้ยงที่เหมาะกับผู้ป่วยอัลไซเมอร์ที่สุด เนื่องจากแมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่ต้องการการดูแลน้อยกว่าสุนัขนั่นเอง
  5. แมวจะช่วยให้เด็กมีความรับผิดชอบ การเลี้ยงแมวไว้ในบ้านสักตัว ก็สามารถเพิ่มความรับผิดชอบให้แก่เด็กๆ ในการช่วยดูแลต่างๆ แต่สิ่งสำคัญคือต้องพูดคุยกับลูกๆ ของคุณ ว่าสัตว์เลี้ยงไม่ใช่ของเล่น และวิธีที่ต้องปฏิบัติตัวต่อแมวอย่างถูกต้อง
  6. การเลี้ยงแมวช่วยรักษาระดับความดันเลือด จากการวิจัยของศูนย์ศึกษาการปฏิสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสัตว์ ของมหาวิทยาลัยมิสซูรี พบว่าการเลี้ยงดูและเล่นกับแมวช่วยให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอลน้อยลง และจากผลข้างต้นนี้เองที่ทำให้ความดันเลือดอยู่ในระดับที่สมดุล
  7. การเลี้ยงแมวทำให้มีความสุขมากขึ้น เพราะการเลี้ยงแมวช่วยกระตุ้นการผลิตสารออกซิโทซิน หรือฮอร์โมนแห่งความรัก ก็เลยเป็นเหตุให้ทุกครั้งที่ผู้ที่เลี้ยงแมวดูแลพวกมัน กลายเป็นการสร้างความสุขให้กับตัวเองไปด้วย

การเล่นกับลูกแมวช่วยให้คลายเครียดได้ และยังสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเรากับแมวอีกด้วย

ดังนั้น การเลี้ยงลูกแมวจรสักตัว (หรือหลายตัวสำหรับผู้ที่เป็นโรคแมวงอก) ไม่เพียงแค่ช่วยทำให้ชีวิตของแมวจรดีขึ้นเพราะมีคนช่วยดูแลให้ที่พักอาศัยพร้อมดูแลสุขภาพเป็นอย่างดี ไม่ต้องใช้ชีวิตเสี่ยงกับอันตรายต่างๆ นอกบ้านแล้ว การเลี้ยงแมวยังทำให้เหล่าทาสแมวมีความสุขมากขึ้นในหลายๆ ด้านอีกด้วย.

ข้อมูลอ้างอิง: มงฟอร์ดวิทยาลัย

อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : วัน “ลูกแมวแห่งชาติ” ก่อนรับน้องมาเลี้ยงต้องเตรียมอะไรบ้าง 

ขอขอบคุณข่าวจาก : ไทยรัฐ สำนักข่าวอันดับ 1 ของไทย | ไทยรัฐออนไลน์ (thairath.co.th)