ชาวเกาหลีใต้ 7 คนจมน้ำเสียชีวิต หลังน้ำท่วมทะลักเข้าไปในลานจอดรถใต้ดิน ทำให้พวกเขาติดค้างอยู่ภายใน และจมน้ำในที่สุด

น้ำท่วมดังกล่าว เกิดจากอิทธิพลของไต้ฝุ่นหินหนามหน่อ ที่พัดถล่มเข้าเกาหลีใต้ตั้งแต่เมื่อวานนี้

ผู้เสียชีวิตได้ลงไปที่ลานจอดรถใต้ดิน เพื่อเลื่อนรถหนีน้ำ แต่น้ำกลับท่วมทะลักทำให้พวกเขาติดอยู่ใต้ดินนานหลายชั่วโมง

ทั้งนี้ หน่วยกู้ภัยระบุว่าช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ 2 คน ที่รอดชีวิตมาได้จากการเกาะบนท่อน้ำเหนือศีรษะนาน 12 ชั่วโมง และตอนนี้ ทั้งคู่มีอาการปลอดภัยดีแล้ว

สำนักข่าวยอนฮัปของเกาหลีใต้รายงานว่า ผู้ประสบภัยทั้ง 9 คน เป็นผู้อยู่อาศัยอะพาร์ตเมนต์ในอาคารดังกล่าว โดยตัดสินใจลงไปเลื่อนรถ หลังทางสำนักงานผู้ดูแลอาคารเตือนว่า ฝนจะตกหนักและเกิดน้ำท่วม โดยตอนที่หน่วยกู้ภัยเข้าไปถึงพื้นที่ น้ำได้ท่วมสูงเกือบถึงเพดานลานจอดรถแล้ว

เหตุสลดครั้งนี้เกิดขึ้นที่เมืองโพฮัง ในจังหวัดคยองซังเหนือ ซึ่งถือเป็นพื้นที่ประสบภัยพายุรุนแรงที่สุด

ประธานาธิบดียุน ซอกยอล ของเกาหลีใต้ แสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อผู้เสียชีวิตทั้ง 7 คน และเรียกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็น “ภัยพิบัติ”

“ประชาชนในโพฮังลงไปเลื่อนรถ…แต่กลับเผชิญภัยพิบัติ ผมนอนไม่หลับเลย” เขากล่าว พร้อมระบุว่า ได้ประกาศให้เมืองโพฮังเป็นพื้นที่ภัยพิบัติพิเศษแล้ว และจะลงพื้นที่ภายในวันนี้ (7 ก.ย.)

การเสียชีวิตครั้งนี้ ส่งผลให้ยอดผู้เสียชีวิตจากไต้ฝุ่นหินหนามหน่อเพิ่มเป็นอย่างน้อย 10 คนแล้ว โดยอิทธิพลจากพายุยังก่อให้เกิดลมกระโชกแรงและฝนตกหนัก ในหลายพื้นที่ทางตอนใต้และชายฝั่งตะวันออกของเกาหลีใต้อย่างต่อเนื่อง

เมืองหลายแห่งทางตอนใต้ของประเทศ รวมถึงเมืองปูซานและอุลซาน ก็กำลังเผชิญกับอิทธิพลของพายุ โดยอาคารหลายแห่งเสียหาย ถนนถูกตัดขาด ต้นไม้หักโค่น และความเสียหายต่อโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ

เกาหลีใต้ เป็นหนึ่งในประเทศเอเชียตะวันออก ที่เผชิญกับฝนตกหนักรุนแรงในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา รวมถึงอุณหภูมิที่พุ่งสูงอย่างผิดปกติ

เมื่อเดือน ส.ค. ที่ผ่านมา กรุงโซลของเกาหลีใต้เผชิญฝนตกหนักที่สุดในรอบ 100 ปี ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 8 คน โดย 3 คนในจำนวนนี้ อาศัยอยู่ในอะพาร์ตเมนต์ใต้ดิน ที่เรียกว่า “พันจีฮา”

การเสียชีวิตของคนรากหญ้าในบ้านแบบพันจีฮา ทำให้ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ประกาศห้ามสร้างอะพาร์ตเมนต์ลักษณะนี้เพิ่มอีก รวมถึงมีแผนจะทยอยย้ายผู้อาศัยในบ้านพักกึ่งใต้ดิน ที่มีกว่า 200,000 คนออกไปอยู่บ้านอาคารสงเคราะห์ในอนาคต